การเขียนเรียงความ
เป็นการนำความคิดเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ที่ผู้เขียนสนใจนำมาเรียบเรียงอย่างชัดเจน ให้น่าสนใจโดยอาศัยข้อเท็จจริง ระกอบความคิดเห็นของผู้เขียนให้ผู้อ่านได้เข้าใจ ตามที่ผู้เขียนต้องการ องค์ประกอบของเรียงความ เรียงความมีองค์ประกอบ 3 ส่วนด้วยกัน คือ ๑. คำนำ (การเปิดเรื่อง) ๒. เนื้อเรื่อง หรือเนื้อความ ๓. บทลงท้าย (การปิดเรื่อง หรือ บทสรูป) ขั้นตอนการเขียนเรียงความ ๑. กำหนดความมุ่งหมาย ของเรียงความเรื่องนั้น ๒. เลือกแบบการเขียน หรือโวหารการเขียนให้สอดคล้องกับ ความมุ่งหมายสำคัญ ๓. หารายละเอียดประกอบ และขยายความประเด็นต่างๆ ของโครงเรื่อง ๔. กำหนดภาคคำนำ ภาคเนื้อเรื่อง และภาคสรุป ภาคคำนำควร มีลักษณะดังต่อไปนี้ ๑. ทำให้ผู้อ่านสนใจ ๒. แนะหรือบอกความมุ่งหมายหรือแนวของเรื่อง ๓. ไม่ตั้งต้นไกลเกินไป และมีแนวนำเข้าสู่เรื่อง ๔ .ไม่ยาวเกินไป ภาคเนื้อเรื่อง เป็นภาคสำคัญประกอบด้วย ๑. ข้อมูลในโครงเรื่อง ซึ่งเรียงตามลำดับเวลา ตามพื้นที่ ตามเหตุผล หรือ ตามความสำคัญ ๒. ประกอบด้วยย่อหน้าแต่ละย่อหน้า ที่สื่อความคิดอย่างมีประสิทธิผล เหมาะสมตามความสำคัญของเนื้อเรื่อง ๓. มีความสัมพันธ์ระหว่างแต่ละประโยค แต่ละย่อหน้า ๔. มีรายละเอียดที่ชัดเจน ขยายความ ประกอบความ และสนับสนุนข้อมูลสำคัญให้ชัดเจนเหมาะสมสอดคล้องกัน ภาคจบหรือภาคสรุป การจบมักใช้ 2 วิธี คือ ๑. จบด้วย การย่อ คือนำเอาใจความสำคัญ ที่เป็นสาระอย่างแท้จริงมากล่าว ในตอนท้าย ให้ผู้อ่านประทับใจเป็นการทบทวนอีกครั้ง ๒. จบด้วยการสรุปให้ตรงความมุ่งหมายสำคัญของเรื่อง ใช้วิธี สรุปความ เป็นประโยคบอกเล่า หรือประโยคคำถาม เป็นภาษิต หรือเป็นคำประพันธ์ ที่สอดคล้องกับเนื้อเรื่องก็ได้ภาคจบนี้ควรแยกเป็นย่อหน้าหนึ่ง และต้องสรุป ความหมายสำคัญเอาไว้ในหน้านี้ ที่มาของข้อมูล http://www.geocities.com/taoliks/e007.htm เรียงความเนื่องในวันพ่อ รางวัลอันดับที่ ๑ จากดวงดาวแห่งความศรัทธา กำเนิดเจ้ามาด้วยความรักอันยิ่งใหญ่ เจ้าคือแก้วตาดวงใจ สายใยลูกโซ่แห่งความรัก ผ่านลมฝนผ่านร้อนผ่านหนาว ใต้ร่มเงาให้ใจคอยพักพิง ลูกเอยพ่อเคยพร้อมทุกสิ่ง บางสิ่งหายไปกับตา แม่เจ้าเหมือนแก้วตา ด่วนลาพ่อลาเจ้าไป ลูกรักจงอย่าได้หวั่นเกรง เพลงที่แม่กล่อม จากนี้พ่อจะร้องเอง ใครจะมาข่มเหงไม่มีวัน หลับเถิดหนาแก้วตาดวงใจ หลับให้สบายไม่นานคงพบกัน จากไปไม่ใช่ชั่วนิรันดรสักวันพ่อจะตามไป คุ้มครอง เจ้าคือดวงดาวน้อยของพ่อ จับมือพ่อเอาไว้ พ่อจะพาเจ้าเดินข้ามไป สู่ปลายทางที่ดี ไม่มีรักครั้งไหน รักมากแค่ไหนยิ่งใหญ่เกิน ยิ่งใหญ่เกินเหนื่อยแค่ไหนไม่ท้อ ทนได้เสมอขอให้ลูกมีความสุข ให้เจ้าเดินต่อไป ไม่น้อยหน้าใคร ๆ ถ้าพูดถึงพ่อ คงไม่มีใครหรอกที่เกิดมาโดยไม่มีพ่อ แต่เราจะได้มีโอกาสเห็นหน้าพ่อหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับบุญวาสนาของเรา บางคนเกิดมามีทั้งพ่อมีทั้งแม่ก็ถือว่าเป็นบุญวาสนาของเขาไป แต่มีอีกหลายคนที่เกิดมาอาภัพนัก มีแต่ผู้เป็นพ่อคนเดียวเท่านั้น แต่เขาก็มีชีวิตอยู่ได้อย่างสบายเพราะสามารถเป็นได้ทั้งพ่อเป็นได้ทั้งแม่ และเป็นได้ทั้งเพื่อน ยามใดที่เราท้อแท้พ่อก็คอยให้กำลังใจ ยามที่เราร้องไห้พ่อก็คอยปลอบโยนเรา พ่อสามรถทำให้เราได้ทุกอย่าง เมื่อตอนที่ฉันยังเด็กพ่อเคยเล่าให้ฟังว่า พ่อเลี้ยงดูฉันมาเป็นอย่างดี บางครั้งพ่อชงนมให้ฉันกินในยามที่ฉันร้องไห้ ในคืนที่ฝนตก พ่อกอดฉันให้ความอบอุ่นแก่ฉัน จนฉันหลับไปในอ้อมกอดของพ่อ ฉันได้รู้สึกถึงความอบอุ่นทุกครั้งที่พ่อกอดฉัน ฉันซาบซึ้งถึงความรักความเอ็นดูจากพ่อทุกครั้งที่พ่อจูบแก้มฉัน พ่ออบรมสั่งสอนฉันให้ฉันเป็นเด็กดี พ่อไม่เคยตีฉันเพียงแต่ทุกครั้งที่ฉันทำผิดพ่อจะดุฉัน เมื่อฉันเรียนสูงขึ้นพ่อต้องไปทำงาน บางครั้งเป็นเดือนกว่าที่พ่อจะกลับ ฉันต้องอยู่กับแม่ แม่เองก็รักและเอ็นดูดูฉันได้ไม่น้อยไปกว่าพ่อเลย บางคืนแม่สะอื้นร้องไห้ ลูกแกล้งหลับไปทั้งที่ได้ยินเสียงสะอื้นของแม่ พ่อทำทุกอย่างเพื่อให้ทุกคนในครอบครัวมีความสุขสบาย ความรักของพ่อที่มีให้กับฉันมันไม่สามารถที่จะทดแทนได้หมดเลย แต่ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อให้พ่อมีความสุขให้พ่อสบายใจ ฉันจะเป็นลูกที่ดีของพ่อและแม่ แต่บางคนอาจจะไม่เป็นเช่นนั้น ลูกบางคนตอบแทนพระคุณของพ่อโดยการทำตัวเกเร เหลวไหลไม่ตั้งใจเรียน บ้างก็ติดยาเสพย์ติด ซึ่งก็เท่ากับเป็นการทำลายอนาคตของตัวเอง ทำลายความหวังของพ่อ พ่ออยากให้เรามีงานดี ๆ ทำ เพื่อที่จะได้สบายในภายภาคหน้า มิหนำซ้ำลูก ๆ บางคน เมื่อพ่อบังเกิดเกล้าของตัวเองแก่ชรา ก็พาพ่อไปทิ้งยังบ้านพักคนชรา โดยไม่คิดจะเหลียวกลับมาดูแลพ่อเลย นี่หรือผลตอบแทนที่เรามีให้กับพ่อ บางครอบครัวมีลูก 4 คน 5 คน แต่ไม่มีใครเลยสักคนที่จะสามารถเลี้ยง ดูพ่อได้ เราเคยคิดบ้างไหมว่าที่ลูกกี่คนพ่อเลี้ยงได้อย่างสบาย แต่ลูกคนจะดูแลพ่อในยามชราได้ พ่อไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าความรักความห่วงใย ถึงแม้กาลเวลาจะผ่านไปนานสักแค่ไหน ความรักของพ่อที่มีให้กับลูกก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง และไม่เคยลดน้อยลงมีแต่จะเพิ่มขึ้น ๆ ไม่มีวันที่จะสิ้นสุด แต่ฉันก็ยังมีพ่ออยู่อีกหนึ่งคน ที่คอยดูแลฉันอยู่ห่าง ๆ นั้นคือในหลวงของเรานี้เอง พ่อเพียงคนเดียวสามารถที่จะดูแลลูก ๆ กว่าเจ็ดสิบล้านคนได้ หยาดเหงื่อของพ่อคือความเจริญและความมั่นคงของประเทศ พระองค์สามารถเดินไปได้ทุกที่ ถึงแม้หนทางจะยากลำบากสักเพียงใด พ่อไม่เคยบ่นสักคำว่าเหนื่อย พ่อทรงจัดทำโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริขึ้นมากมาย อาทิเช่น โครงการรักบ้านเกิด โครงการพัฒนาประมงพื้นบ้านเป็นต้น พ่อทรงช่วยเหลือลูก ๆ ทุกวิถีทาง พ่อพยายามให้ลูกทุกคนได้เรียนหนังสือ พ่อทรงช่วยเหลือชาวเกษตรทุกพื้นที่ พ่อทรงบริจาคปุ๋ยให้ชาวสวน ชาวนา เมื่อฟูดแล้งมาถึง พ่อทรงคิดการทำฝนเทียมขึ้น เพื่อไม่ให้ชาวเกษตรกรต้องได้รับความเดือดร้อน ยามใดที่เกิดอุทุกภัย พ่อก็ทรงส่งเครื่องยังชีพไปให้ลูก ๆ พ่อต้องยอมสละความสุขของตนเอง เพื่อให้ลูก ๆ มีความสุข แล้วเราได้ตอบแทนอะไรให้แก่พ่อบ้าง บางคนอาจจะตอบว่าทำมาตั้งหลายอย่างแล้ว แต่บางคนแคคิดก็ยังไม่เคย หยุดคิดสักนิด ก่อนที่จะสายเกินไป ประเทศไทยจะเจริญได้ ถ้าเราทุกคนร่วมมือกัน ดังนั้นคงไม่สายเกินไปที่เราจะทดแทนพระคุณของพ่อ พ่อคือคนที่เรารักและพ่อคือคนที่เรารัก เราควรที่จะรักพ่อบ้าง ห่วงใยพ่อบ้าง ดูแลพ่อให้ดีกว่านี้ อย่าได้ทำให้พ่อเสียใจอีกเลย บอกรักพ่อให้ทุกวัน ให้พ่อได้ชื่นใจ สิ่งที่พ่อต้องการ คือความรักจากเรา ให้เราเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ เพียงแค่นี้ท่านก็มีความสุขแล้ว ตอบแทนพระคุณของพ่อตั้งแต่ตอนนี้ บอกความในใจบางอย่างให้พ่อฟัง ว่า พ่อค่ะหนูรักพ่อมากที่สุดในโลกเลยค่ะ เพียงแค่แคนี้พ่อก็เป็นสุขแล้ว นางสาวนุชนาถ สัณห์พานิชกิจ นักเรียนชั้น ม. 5/8 ........................................................................................................ รางวัลอันดับที่ ๒ เรียงความ”วัน พ่อ” พ่อก่อกำเนิดชีวิตของลูก เมื่อลูกถือกำเนิดเป็นสมาชิกใหม่ของครอบครัว พ่อก็เริ่มเตรียมตัวสร้างอนาคตไว้คอยท่า แต่พ่อก็ยังไม่หยุดอยู่แค่นั้น พ่อยังสานพัฒนาความเจริญเติบโตทั้งร่างกายและจิตใจตลอดจนสติปัญญา พ่อต้องการให้ลูกเป็นคนดี เป็นคนฉลาด มีความสำเร็จในชีวิต และรอดพ้นจากทุกข์โศกโรคภัย พ่อต้องมีภาระที่ต้องเตรียมความพร้อมให้แก่ลูก พ่อเติมแต่งให้ลูกได้รับประสบการณ์ใหม่ ๆอันมีคุณค่า พ่อทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำ เพื่อจะได้มีเงินให้ลูกเรียน ให้ลูกได้สบาย ถึงแม้ว่าพ่อจะเหนื่อยกับการหาเงิน แต่พ่อก็มีความสุข เมื่อเห็นลูกรักมีความสุข พ่อเป็นครูคนแรกที่ชี้โลกกว้างและสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูก เป็นครูตลอดเวลาและตลอดชีวิต พ่อจะให้ความรัก ความเข้าใจ ความห่วงใยอาทรแก่ลูก โดยยากที่จะหาจากผู้อื่น พ่อเป็นที่ปรึกษาที่ดีที่สุดสำหรับลูก เมื่อใดที่พ่อรู้ว่าลูกมีความทุกข์ พ่อก็พลอยเป็นทุกข์ไปด้วย พ่อเป็นคนแรกที่เห็นใจและเข้าใจลูก พ่อเป็นผู้ที่คอยให้แสงสว่างแก่ลูกและคอยชี้แนวทางให้แก่ลูก พ่อต้องรับภาระมากมายในการดูแลลูก พ่อเป็นผู้บ่มเพาะคุณธรรม และลักษณะนิสัยที่ดีงามให้แก่ลูกโดยตั้งแต่ยังอ่อนเยาว์ด้วยการสร้างบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมในบ้านที่มีความแจ่มใส สะอาด มีระเบียบ ลูกเรียนรู้โดยที่พ่อเป็นผู้ช่วย พ่อเปิดโอกาสให้ลูกได้สัมผัส สัมพันธ์ เรียนรู้โดยที่พ่อคอยดูอยู่ห่าง ๆพ่อคอยแนะนำเมื่อลูกสงสัย จัดหาสื่อที่มีคุณภาพ พ่อคอยชี้ทางที่ถูกต้องให้แก่ลูก คอยป้องกันทางเสื่อมและเสี่ยงของชีวิตลูก พ่อคอยบ่มเพาะ ปลูกฝัง ขัดเกลาอบรมบ่มนิสัยของลูกโดยที่พ่อไม่รู้สึกรำคาญหรือเหนื่อยกับการเลี้ยงลูกเลย พ่อยอมทุกอย่างเพื่อให้ลูกได้ดี และประสบความสำเร็จในชีวิต ถึงแม้ว่าพ่อจะไม่กล่าวคำว่า “ รัก ” ให้ลูกฟังแต่ลูกทราบว่าพ่อรักลูกมาก พ่อเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตลูก พ่อยอมเหนื่อย ยอมเจ็บ ในความคิดของพ่อมีแต่อยากให้ลูกสบาย พ่อจะมีความสุขถ้าลูกมีความสุข พ่อจะมีทุกข์ถ้าลูกมีทุกข์ พ่อมีพระคุณกับลูกมาก ลูกจะไม่มีวันลืมพระคุณของพ่อเลย พ่อคะ ลูกอยากบอกว่า “ ลูกรักพ่อมากค่ะ ” เด็กหญิงสุณีย์ เจ๊ะมูดอ นักเรียนชั้น ม.2/5 |
ขายอุปกรณ์เเต่งรถ
วันอังคารที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2560
การเขียนเรียงความ
วันจันทร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2560
ความรู้สึกของวันแม่
แม่ เป็นคนพิเศษที่สุดในชีวิตฉัน ท่านดูแลอบรมสั่งสอนเรามาตลอดตั้งแต่เล็กจนโต นานจนถึงเวลาที่เราต้องกลับมาทดแทนพระคุณโดยการดูแลท่านเมื่อยามแก่ชราแล้ว ทุกฝีก้าวของชีวิตคนทุกคนมักมีก้าวเเรกจากผู้ให้กำเนิด หรือก็คือ แม่ ก้าวต่อมาเราก็ยังต้องพึ่งพาท่านอยู่ และอีกหลายก้าวก็ล้วนเกี่ยวข้องกับแม่ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นรักของแม่อาจจะเป็นรักที่ยืนยงที่สุดในโลกใบนี้ก็ได้ รักของแม่ไม่ใช่จะได้รับเฉพาะพวกเราคนไทยทุกคนแล้ว ไม่ว่าชาติไหนๆ ก็ล้วนได้รับความรักจากแม่เช่นกัน ฉันจึงมองเห็นว่า เราก็ไม่ควรที่จะอายที่จะแสดงความรักต่อแม่ เพราะ ถึงอาจจะเป็นสิ่งน่าอายสำหรับบางคน แต่มันก็ทำให้ชื่นใจได้เหมือนเป็นยาวิเศษสำหรับคุณแม่ทุกคนในโลกใบนี้จริงๆ
วันจันทร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2560
ประวัตโรงเรียนบ้านลำเเดง
ประวัติโรงเรียน
โรงเรียนบ้านลำแดงสังกัดสำนักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกระทรวงศึกษาธิการ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2482 ตั้งอยู่หมู่ที่ 3 ตำบลหันตะเภา อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดย นายสุวิช ทรัพย์ทวี ซึ่งเป็นนายอำเภอวังน้อยใน สมัยนั้น โดยได้อาศัยโรงนาของนางเมี่ยง คงสมพรต เป็นสถานที่เรียนชั่วคราว พ.ศ. 2483 นางเมี่ยง คงสมพรต ได้ยกที่ดินให้กับ โรงเรียนจำนวน 5 ไร่ และในปีนั้นทางราชการได้ ก่อสร้าง อาคารเรียนให้ 1 หลัง เป็นอาคารเรียนทรงปั้น หยา ไม่มีฝากั้นห้อง
พ.ศ. 2508 โรงเรียนได้ทำการต่อเติมอาคารเรียนขึ้นอีก 1 ห้องเรียนเพื่อให้เพียงพอกับจำนวนชั้นเรียน
และจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้น จากการที่ทางโรงเรียนดำเนินการต่อเติมห้องเรียนนี้ ปรากฏว่าเจ้าของที่นา
คนใหม่ซึ่งได้ซื้อที่นาต่อมาจากกนางเมี่ยง คงสมพรต ได้ฟ้องขับไล่โรงเรียนให้รื้อถอนอาคารเรียน ออกไปจากพื้นที่ 5 ไร่ ที่โรงเรียนครอบครองอยู่ โดยอ้างว่าโรงเรียนไม่มีกรรมสิทธิ์ในพื้นที่นี้ ทำให ้ ผู้บริหารที่เกี่ยวข้องในสมัยนั้นต้องตกเป็นจำเลย พ.ศ. 2513 ทางโรงเรียนได้ดำเนินการจัดหาเงินมาซื้อที่ดินที่ติดอยู่กับโรงเรียนเพิ่มเติมอีกจำนวน 2 ไร่ เพื่อเตรียมก่อสร้างอาคารเรียนแบบ 017 จำนวน 4 ห้องเรียน เพื่อรองรับการเปิดขยายการศึกษา ่ถึงชั้นประถมศึกษาตอนปลาย (ป.7) ซึ่งนับเป็นโอกาสที่ดีของท้องถิ่น เพราะในสมัยนั้นผู้เรียน ต่อ ป.5 ไม่สามารถเดินทางไปกลับได้ เนื่องจากการคมนาคมไม่สะดวก และเป็นโรงเรียนแห่งที่สองของ อำเภอวังน้อยที่ได้รับอนุญาตให้เปิดสอนถึงระดับประถมศึกษาตอนปลาย พ.ศ. 2514 ทางโรงเรียนได้จัดหาเงินซื้อที่ดินเพิ่มเติมอีก จำนวน 4 ไร่ เพื่อเตรียมการก่อสร้างอาคาร เรียนแบบ 017 ทดแทนอาคารเรียนหลังเดิมซึ่งสร้างมาตั้งแต่ พ.ศ. 2483 ซึ่งถูกพายุพัดพัง โดยทางราชการได้จัดสรรงบพิเศษให้ก่อสร้างอาคารเรียนแบบ 017 จำนวน 5 ห้องเรียน ทำให้โรงเรียนมี พื้นที่รวม 11 ไร่ และพอเพียงกับการจัดการศึกษาระดับประถมศึกษาตอนปลาย และได้รับจัดสรรงบ ประมาณ ให้ก่อสร้างบ้านพักครู 1 หลัง พ.ศ. 2516 ทางโรงเรียนได้ขอเงินบำรุงท้องที่ต่อเติมชั้นล่างอาคารอีกจำนวน 5 ห้องเรียน เพื่อจัดเป็น ห้องสมุดและห้องปฏิบัติการต่าง ๆ พ.ศ. 2517 ทางราชการจัดสรรงบประมาณให้ก่อสร้างโรงอาหาร แบบสามัญ 321 จำนวน 1 หลังและ ก่อสร้างส้วม แบบ จอย.401 จำนวน 1 หลัง 5 ห้อง พร้อมสร้างบ้านพักครู แบบ จอย.001 จำนวน 1 หลัง พ.ศ. 2528 ทางราชการจัดสรรงบประมาณให้ก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์ สปช.201 จำนวน 1 หลัง ส้วมแบบ จอย.401 จำนวน 1 หลัง 5 ที่นั่ง และได้รับอนุมัติให้รื้อย้ายบ้านพักครูจากโรงเรียนวัดบ้านช้าง มาปลูกสร้างที่โรงเรียนบ้านลำแดงอีก 1 หลัง พ.ศ. 2536 โรงเรียนได้รับอนุมัติให้เปิดทำการสอนถึงระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ซึ่งเป็นโรงเรียน ในโครงการขยายโอกาสทางการศึกษา ปัจจุบันทางโรงเรียนได้จัดการศึกษา 3 ระดับคือ 1. ระดับก่อนประถม 2. ระดับประถมศึกษา 3. ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น พ.ศ. 2538 ทางโรงเรียนได้ทำการต่อเติมห้องเรียนอีก 2 ห้อง โดยไม่ใด้ใช้งบประมาณ ของทางราชการ และในปีเดียวกันทางราชการได้จัดสรรงบประมาณให้ก่อสร้างสนามบาสเก็ตบอลและ ใช้ในกิจกรรมการเรียนการสอนจนถึงปัจจุบัน พ.ศ. 2542 ก่อสร้างถังเก็บน้ำฝน แบบ ฝ.33 จำนวน 1 ชุด และส้วมแบบ สปช.601/26 ขนาด 4 ห้องจำนวน 1 หลัง พ.ศ. 2548 ได้รับงบประมาณจากบริษัทบริดจสโตน จำกัด ปรับปรุงห้องสมุด งบประมาณ 420,000 บาท พ.ศ. 2549 ก่อสร้างอาคารพยาบาล ขนาด 4x6 เมตร โดยงบบริจาค พ.ศ. 2550 ปูพื้นกระเบื้องห้องเรียนชั้นล่างทุกห้อง รวมพื้นที่ 574 ตารางเมตร ( คำวัสดุงบบริจาค , ค่าแรงงบราชการ ) | ||
ปรับปรุงข้อมูลเมื่อ 2016-07-27 10:05:54 น.
|
วันจันทร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2560
พิธีทบทวนคําปฏิญาณและสวนสนาม
1. กองลูกเสือ เนตรนารี จากสถานศึกษาในเขตพื้นที่การศึกษาตั้งแถวในสนาม
2. -ประธาน (ผู้อำนวยการลูกเสือเขตพื้นที่การศึกษา) มาถึง และขึ้นยืนบนแท่นเคารพ
-ผู้บังคับขบวนสวนสนามสั่ง “ลูกเสือ – ตรง” “ทำความเคารพผู้อำนวยการลูกเสือเขตพื้นที่การศึกษา” “ตรงหน้า, ระวัง วันทยา – วุธ”
-วงดุริยางค์ลูกเสือบรรเลงเพลงมหาฤกษ์ จบเพลงมหาฤกษ์
-ผู้บังคับขบวนสวนสนามสั่ง “เรียบ – อาวุธ” (ทุกคนยังคงยืนอยู่ในท่าตรง)
3. -ประธานเดินไปหน้าโต๊ะหมู่ที่ตั้งพระบรมฉายาลักษณ์พระประมุขคณะลูกเสือแห่งชาติ ถวายความเคารพ (วันทยหัตถ์) -ผู้บังคับขบวนสวนสนาม สั่ง “ลูกเสือ, ถวายความเคารพแด่พระประมุขคณะลูกเสือแห่งชาติ”, “ตรงหน้า , ระวัง”
-ประธานเปิดกรวยดอกไม้ถวายราชสักการะ เสร็จแล้ว ถอยหลัง 1 ก้าว ถวายความเคารพ (วันทยหัตถ์) ผู้บังคับขบวนสวนสนาม สั่ง “วันทยา – วุธ”
-วงดุริยางค์ลูกเสือบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี จบเพลงสรรเสริญพระบารมี ผู้บังคับขบวนสวนสนาม สั่ง “เรียบ – อาวุธ” “ ตามระเบียบ , พัก”4. ประธานขึ้นยืนบนแท่นเคารพ รองผู้อำนวยการลูกเสือเขตพื้นที่การศึกษากล่าวรายงานกิจการลูกเสือในรอบปี5. ประธานมอบโล่แก่ผู้มีอุปการคุณ หรือเกียรติบัตรแก่ผู้บังคับบัญชาลูกเสือดีเด่น หรือเข็มลูกเสือบำเพ็ญประโยชน์แก่ลูกเสือ6. ผู้ตรวจการลูกเสือเขตพื้นที่การศึกษา นำลูกเสือทบทวนคำปฏิญาณ
“ลูกเสือเตรียมกล่าวคำปฏิญาณ , ตรง” “ลูกเสือสำรอง กล่าวคำปฏิญาณตามข้าพเจ้า” (ทุกคนแสดงรหัส ลูกเสือสำรองทำวันทยหัตถ์ ขณะทบทวนคำปฏิญาณให้ประธานหันหน้าไปยังโต๊ะหมู่ที่ตั้งพระบรมฉายาลักษณ์และแสดงรหัส) “ข้าสัญญาว่า / ข้อ 1 / ข้าจะจงรักภักดีต่อชาติ / ศาสนา / พระมหากษัตริย์ / ข้อ 2 / ข้าจะยึดมั่นในกฎของลูกเสือสำรอง / และบำเพ็ญประโยชน์ต่อผู้อื่นทุกวัน” / (ทุกคนลดมือลง อยู่ในท่าตรง)
2. -ประธาน (ผู้อำนวยการลูกเสือเขตพื้นที่การศึกษา) มาถึง และขึ้นยืนบนแท่นเคารพ
-ผู้บังคับขบวนสวนสนามสั่ง “ลูกเสือ – ตรง” “ทำความเคารพผู้อำนวยการลูกเสือเขตพื้นที่การศึกษา” “ตรงหน้า, ระวัง วันทยา – วุธ”
-วงดุริยางค์ลูกเสือบรรเลงเพลงมหาฤกษ์ จบเพลงมหาฤกษ์
-ผู้บังคับขบวนสวนสนามสั่ง “เรียบ – อาวุธ” (ทุกคนยังคงยืนอยู่ในท่าตรง)
3. -ประธานเดินไปหน้าโต๊ะหมู่ที่ตั้งพระบรมฉายาลักษณ์พระประมุขคณะลูกเสือแห่งชาติ ถวายความเคารพ (วันทยหัตถ์) -ผู้บังคับขบวนสวนสนาม สั่ง “ลูกเสือ, ถวายความเคารพแด่พระประมุขคณะลูกเสือแห่งชาติ”, “ตรงหน้า , ระวัง”
-ประธานเปิดกรวยดอกไม้ถวายราชสักการะ เสร็จแล้ว ถอยหลัง 1 ก้าว ถวายความเคารพ (วันทยหัตถ์) ผู้บังคับขบวนสวนสนาม สั่ง “วันทยา – วุธ”
-วงดุริยางค์ลูกเสือบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี จบเพลงสรรเสริญพระบารมี ผู้บังคับขบวนสวนสนาม สั่ง “เรียบ – อาวุธ” “ ตามระเบียบ , พัก”4. ประธานขึ้นยืนบนแท่นเคารพ รองผู้อำนวยการลูกเสือเขตพื้นที่การศึกษากล่าวรายงานกิจการลูกเสือในรอบปี5. ประธานมอบโล่แก่ผู้มีอุปการคุณ หรือเกียรติบัตรแก่ผู้บังคับบัญชาลูกเสือดีเด่น หรือเข็มลูกเสือบำเพ็ญประโยชน์แก่ลูกเสือ6. ผู้ตรวจการลูกเสือเขตพื้นที่การศึกษา นำลูกเสือทบทวนคำปฏิญาณ

“ลูกเสือสามัญ ลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ ลูกเสือวิสามัญ (ถ้ามี) และเนตรนารี (ถ้ามี) กล่าวคำปฏิญาณตามข้าพเจ้า” (ทุกคนแสดงรหัส ลูกเสือสำรอง ทำวันทยหัตถ์)
“ด้วยเกียรติของข้า / ข้าสัญญาว่า /
ข้อ 1 / ข้าจะจงรักภักดีต่อชาติ / ศาสนา / พระมหากษัตริย์ /
ข้อ 2 / ข้าจะช่วยเหลือผู้อื่นทุกเมื่อ /
ข้อ 3 / ข้าจะปฏิบัติตามกฎของลูกเสือ” /
(ทุกคนลดมือลง อยู่ในท่าตรง)
7. -ประธานให้โอวาท จบคำให้โอวาท ผู้บังคับขบวนสวนสนาม สั่ง “ตรงหน้า, ระวัง วันทยา – วุธ”
-วงดุริยางค์ลูกเสือบรรเลงเพลงมหาฤกษ์ จบเพลงมหาฤกษ์ ผู้บังคับขบวนสวนสนาม สั่ง “เรียบ – อาวุธ” (ทุกคนในสนามยังคงยืนอยู่ในท่าตรง)
8. แตรเดี่ยวเป่าให้สัญญาณเตรียมสวนสนาม 2 ครั้ง ผู้บังคับขบวนสวนสนาม สั่ง “ลูกเสือเตรียมสวนสนาม” “แบก – อาวุธ”
9. แตรเดี่ยวเป่าให้สัญญาณหน้าเดิน 2 ครั้ง ผู้บังคับขบวนสวนสนาม สั่ง “เลี้ยวขวา, หน้า – เดิน”
10. ขบวนลูกเสือ-เนตรนารี เดินสวนสนาม
-เมื่อถึงธงที่ 1 สีเหลือง (ธงเตรียมทำความเคารพ) รองผู้กำกับลูกเสือ สั่ง “ระวัง” (การสั่งให้ตกเท้าขวา)
-ก่อนถึงธงที่ 2 สีแดง (ธงทำความเคารพ) 2 ก้าว รองผู้กำกับลูกเสือ สั่ง “แลขวา – ทำ” (การสั่งให้ตกเท้าขวาเสมอ)
-เมื่อตับใดผ่านธงที่ 3 สีเขียว (ธงเลิกทำความเคารพ) ให้เลิกทำความเคารพ
11. ขบวนลูกเสือ-เนตรนารี เดินกลับเข้าสู่ที่ตั้งในสนาม และอยู่ในท่าพักตามระเบียบ
12. ผู้บังคับขบวนสวนสนาม สั่งลูกเสือทำความเคารพประธานในพิธี “ตรงหน้า, ระวัง วันทยา – วุธ” วงดุริยางค์ลูกเสือบรรเลงเพลงมหาฤกษ์
13. จบเพลงมหาฤกษ์ ผู้บังคับขบวนสวนสนาม สั่ง “เรียบ – อาวุธ”
14. ประธานเดินทางกลับ
15. ผู้บังคับขบวนสวนสนาม สั่ง “แยก”
“ด้วยเกียรติของข้า / ข้าสัญญาว่า /
ข้อ 1 / ข้าจะจงรักภักดีต่อชาติ / ศาสนา / พระมหากษัตริย์ /
ข้อ 2 / ข้าจะช่วยเหลือผู้อื่นทุกเมื่อ /
ข้อ 3 / ข้าจะปฏิบัติตามกฎของลูกเสือ” /
(ทุกคนลดมือลง อยู่ในท่าตรง)
7. -ประธานให้โอวาท จบคำให้โอวาท ผู้บังคับขบวนสวนสนาม สั่ง “ตรงหน้า, ระวัง วันทยา – วุธ”
-วงดุริยางค์ลูกเสือบรรเลงเพลงมหาฤกษ์ จบเพลงมหาฤกษ์ ผู้บังคับขบวนสวนสนาม สั่ง “เรียบ – อาวุธ” (ทุกคนในสนามยังคงยืนอยู่ในท่าตรง)
8. แตรเดี่ยวเป่าให้สัญญาณเตรียมสวนสนาม 2 ครั้ง ผู้บังคับขบวนสวนสนาม สั่ง “ลูกเสือเตรียมสวนสนาม” “แบก – อาวุธ”
9. แตรเดี่ยวเป่าให้สัญญาณหน้าเดิน 2 ครั้ง ผู้บังคับขบวนสวนสนาม สั่ง “เลี้ยวขวา, หน้า – เดิน”
10. ขบวนลูกเสือ-เนตรนารี เดินสวนสนาม
-เมื่อถึงธงที่ 1 สีเหลือง (ธงเตรียมทำความเคารพ) รองผู้กำกับลูกเสือ สั่ง “ระวัง” (การสั่งให้ตกเท้าขวา)
-ก่อนถึงธงที่ 2 สีแดง (ธงทำความเคารพ) 2 ก้าว รองผู้กำกับลูกเสือ สั่ง “แลขวา – ทำ” (การสั่งให้ตกเท้าขวาเสมอ)
-เมื่อตับใดผ่านธงที่ 3 สีเขียว (ธงเลิกทำความเคารพ) ให้เลิกทำความเคารพ
11. ขบวนลูกเสือ-เนตรนารี เดินกลับเข้าสู่ที่ตั้งในสนาม และอยู่ในท่าพักตามระเบียบ
12. ผู้บังคับขบวนสวนสนาม สั่งลูกเสือทำความเคารพประธานในพิธี “ตรงหน้า, ระวัง วันทยา – วุธ” วงดุริยางค์ลูกเสือบรรเลงเพลงมหาฤกษ์
13. จบเพลงมหาฤกษ์ ผู้บังคับขบวนสวนสนาม สั่ง “เรียบ – อาวุธ”
14. ประธานเดินทางกลับ
15. ผู้บังคับขบวนสวนสนาม สั่ง “แยก”
การทำความเคารพผู้อำนวยการลูกเสือ ผู้เป็นประธานในพิธีสวนสนาม
ก. การทำความเคารพของผู้ถือป้ายในขบวนสวนสนามลูกเสือ
1. เวลาอยู่กับที่ถือป้ายทั้งสองมือ คือมือขวากำคันป้ายชิดแผ่นป้าย มือซ้ายกำต่อลงมาชิดมือขวาโคนคันป้ายจรดพื้นตรงหน้ากึ่งกลางระหว่างปลายเท้าทั้งสอง เวลาทำความเคารพขณะอยู่กับที่ผู้ถือป้ายทำท่าตรงเท่านั้น
2. เวลาเคลื่อนที่ ให้ถือป้าย โดยมือขวาจับคันป้าย ในลักษณะคว่ำมือ โดยใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางจับที่สำหรับจับ (ถ้ามี) ถ้าไม่มีที่สำหรับจับ ก็ให้โคนคันป้ายวางอยู่บนอุ้งมือขวา โดยหันฝ่ามือเข้าหาตัว แขนขวาเหยียดตรงแนบลำตัว มือซ้ายจับคันป้ายในแนวเสมอไหล่ขวา และตั้งได้ฉากกับลำตัว หันหน้าป้ายไปข้างหน้า
3. การทำความเคารพในขณะเดินสวนสนาม ให้ถือป้ายตามปกติ ตามองตรงไปข้างหน้าขนานกับพื้น (ไม่ต้องสะบัดหน้าไปยังประธานในพิธี) แต่ให้หันหน้าป้ายเข้าหาประธานในพิธีก่อนที่จะถึงธงที่ 1 ประมาณ 20 ก้าวและหันป้ายกลับที่เดิม เมื่อผ่านพ้นธงที่ 3 แล้ว

1. เวลาอยู่กับที่ถือป้ายทั้งสองมือ คือมือขวากำคันป้ายชิดแผ่นป้าย มือซ้ายกำต่อลงมาชิดมือขวาโคนคันป้ายจรดพื้นตรงหน้ากึ่งกลางระหว่างปลายเท้าทั้งสอง เวลาทำความเคารพขณะอยู่กับที่ผู้ถือป้ายทำท่าตรงเท่านั้น
2. เวลาเคลื่อนที่ ให้ถือป้าย โดยมือขวาจับคันป้าย ในลักษณะคว่ำมือ โดยใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางจับที่สำหรับจับ (ถ้ามี) ถ้าไม่มีที่สำหรับจับ ก็ให้โคนคันป้ายวางอยู่บนอุ้งมือขวา โดยหันฝ่ามือเข้าหาตัว แขนขวาเหยียดตรงแนบลำตัว มือซ้ายจับคันป้ายในแนวเสมอไหล่ขวา และตั้งได้ฉากกับลำตัว หันหน้าป้ายไปข้างหน้า
3. การทำความเคารพในขณะเดินสวนสนาม ให้ถือป้ายตามปกติ ตามองตรงไปข้างหน้าขนานกับพื้น (ไม่ต้องสะบัดหน้าไปยังประธานในพิธี) แต่ให้หันหน้าป้ายเข้าหาประธานในพิธีก่อนที่จะถึงธงที่ 1 ประมาณ 20 ก้าวและหันป้ายกลับที่เดิม เมื่อผ่านพ้นธงที่ 3 แล้ว
ข. การทำความเคารพของผู้ถือธงประจำกองลูกเสือ
1. เวลาอยู่กับที่ให้ผู้ถือธงอยู่อยู่ในท่าตรงและหย่อนเข่าขวา ถือธงด้วยมือขวา โคนคันธงจรดกับพื้นประมาณโคนนิ้วก้อยเท้าขวา คันธงแนบกับลำตัวอยู่ร่องไหล่ขวา เวลาทำความเคารพ ให้ผู้ถือธงทำความเคารพด้วยท่าธงติดต่อกันไป โดยอาศัยคำสั่งว่า “ตรงหน้า,ระวัง” ดังนี้
1.1 ให้ผู้ถือธงใช้มือซ้ายไปจับคันธงชิดมือขวาและเหนือมือขวา แล้วใช้มือซ้ายยกคันธงขึ้นมาในแนวตรงเสมอไหล่ขวา ข้อศอกซ้ายตั้งเป็นมุมฉากกับลำตัว มือขวายังคงเหยียดตรง และจับคันธงไว้ แล้วทำกึ่งขวาหัน เมื่อได้ยินคำว่า “วันทยา – วุธ” (วงดุริยางค์ลูกเสือบรรเลงเพลงมหาฤกษ์)
1.2 ค่อยๆ ลดปลายคันธงลงไปทางไหล่ซ้ายอย่างช้าๆ ตามจังหวะของเพลง พร้อมกับเลื่อนมือซ้ายที่กำคันธงอยู่ทางแนวไหล่ขวา มาทางด้านไหล่ซ้าย โดยการลดข้อศอกซ้ายลงแนบลำตัว จนคันธงอยู่ในแนวขนานกับพื้น มือซ้ายอยู่เสมอแนวไหล่ซ้ายห่างจากตัวเล็กน้อย มือขวาจับคันธงยกขึ้น จนแขนขวาเหยียดตรงไปทางขวามือตามคันธง และให้คันธงวางอยู่บนร่องระหว่างนิ้วหัวแม่มือ และนิ้วชี้ของมือขวา (เมื่อเพลงบรรเลงไปได้ครึ่งเพลง)
1.3 ครั้นแล้วให้ยกปลายคันธงกลับขึ้นช้าๆให้ได้จังหวะเช่นเดียวกับขาลงโดยใช้มือขวากดโคนคันธงลงจนคันธงตั้งตรง และแขนขวาแนบลำตัว ข้อศอกซ้ายตั้งเป็นมุมฉากกับลำตัว เมื่อเพลงบรรเลงจบลง
1.4 เมื่อได้ยินคำสั่ง “เรียบ” ให้ทำกึ่งซ้ายหันกลับ และเมื่อได้ยินคำสั่ง”อาวุธ” ให้ลดคันธงลงจรดพื้นข้างนิ้วก้อยเท้าขวา นำมือซ้ายกลับลงข้างลำตัวและยืนอยู่ในท่าตรง
2. เวลาเคลื่อนที่ ให้แบกธงด้วยบ่าขวา ยกธงขึ้นด้วยมือขวาและใช้มือซ้ายช่วย นำคันธงขึ้นพาดบนบ่าขวา ต้นคันธงเฉลียงลงเบื้องล่าง ข้อศอกขวาทำมุม 90 องศากับลำตัวแล้วลดมือซ้ายกลับมาอยู่ที่เดิม
3. การทำความเคารพในขณะเดินสวนสนามให้ปฏิบัติ ดังนี้
– เมื่อถึงธงที่ 1 สีเหลือง (ธงระวัง) ให้ลดธงลงจากท่าแบกมาแนบลำตัว โดยการเหยียดแขนขวาให้ตึง คันธงตั้งตรง มือขวากำคันธง ยกมือซ้ายมาจับคันธงในแนวไหล่ซ้าย ยกข้อศอกซ้ายให้ตั้งได้ฉากกับลำตัว
– เมื่อถึงธงที่ 2 สีแดง (ธงทำความเคารพ) ให้เหยียดแขนซ้ายตรงออกไปข้างหน้า มือซ้ายกำคันธงไว้ ให้คันธงเอนไปข้างหน้าประมาณ 45 องสา มือขวาแนบลำตัว ตาแลตรงไปข้างหน้า ขนานกับพื้น
– เมื่อผ่านธงที่ 3 สีเขียว (ธงเลิกทำความเคารพ) ให้ยกธงขึ้นมาอยู่ในท่าแบกธงตามเดิม และลดมือซ้ายลงแกว่งแขนตามปกติ
1. เวลาอยู่กับที่ให้ผู้ถือธงอยู่อยู่ในท่าตรงและหย่อนเข่าขวา ถือธงด้วยมือขวา โคนคันธงจรดกับพื้นประมาณโคนนิ้วก้อยเท้าขวา คันธงแนบกับลำตัวอยู่ร่องไหล่ขวา เวลาทำความเคารพ ให้ผู้ถือธงทำความเคารพด้วยท่าธงติดต่อกันไป โดยอาศัยคำสั่งว่า “ตรงหน้า,ระวัง” ดังนี้
1.1 ให้ผู้ถือธงใช้มือซ้ายไปจับคันธงชิดมือขวาและเหนือมือขวา แล้วใช้มือซ้ายยกคันธงขึ้นมาในแนวตรงเสมอไหล่ขวา ข้อศอกซ้ายตั้งเป็นมุมฉากกับลำตัว มือขวายังคงเหยียดตรง และจับคันธงไว้ แล้วทำกึ่งขวาหัน เมื่อได้ยินคำว่า “วันทยา – วุธ” (วงดุริยางค์ลูกเสือบรรเลงเพลงมหาฤกษ์)
1.2 ค่อยๆ ลดปลายคันธงลงไปทางไหล่ซ้ายอย่างช้าๆ ตามจังหวะของเพลง พร้อมกับเลื่อนมือซ้ายที่กำคันธงอยู่ทางแนวไหล่ขวา มาทางด้านไหล่ซ้าย โดยการลดข้อศอกซ้ายลงแนบลำตัว จนคันธงอยู่ในแนวขนานกับพื้น มือซ้ายอยู่เสมอแนวไหล่ซ้ายห่างจากตัวเล็กน้อย มือขวาจับคันธงยกขึ้น จนแขนขวาเหยียดตรงไปทางขวามือตามคันธง และให้คันธงวางอยู่บนร่องระหว่างนิ้วหัวแม่มือ และนิ้วชี้ของมือขวา (เมื่อเพลงบรรเลงไปได้ครึ่งเพลง)
1.3 ครั้นแล้วให้ยกปลายคันธงกลับขึ้นช้าๆให้ได้จังหวะเช่นเดียวกับขาลงโดยใช้มือขวากดโคนคันธงลงจนคันธงตั้งตรง และแขนขวาแนบลำตัว ข้อศอกซ้ายตั้งเป็นมุมฉากกับลำตัว เมื่อเพลงบรรเลงจบลง
1.4 เมื่อได้ยินคำสั่ง “เรียบ” ให้ทำกึ่งซ้ายหันกลับ และเมื่อได้ยินคำสั่ง”อาวุธ” ให้ลดคันธงลงจรดพื้นข้างนิ้วก้อยเท้าขวา นำมือซ้ายกลับลงข้างลำตัวและยืนอยู่ในท่าตรง
2. เวลาเคลื่อนที่ ให้แบกธงด้วยบ่าขวา ยกธงขึ้นด้วยมือขวาและใช้มือซ้ายช่วย นำคันธงขึ้นพาดบนบ่าขวา ต้นคันธงเฉลียงลงเบื้องล่าง ข้อศอกขวาทำมุม 90 องศากับลำตัวแล้วลดมือซ้ายกลับมาอยู่ที่เดิม
3. การทำความเคารพในขณะเดินสวนสนามให้ปฏิบัติ ดังนี้
– เมื่อถึงธงที่ 1 สีเหลือง (ธงระวัง) ให้ลดธงลงจากท่าแบกมาแนบลำตัว โดยการเหยียดแขนขวาให้ตึง คันธงตั้งตรง มือขวากำคันธง ยกมือซ้ายมาจับคันธงในแนวไหล่ซ้าย ยกข้อศอกซ้ายให้ตั้งได้ฉากกับลำตัว
– เมื่อถึงธงที่ 2 สีแดง (ธงทำความเคารพ) ให้เหยียดแขนซ้ายตรงออกไปข้างหน้า มือซ้ายกำคันธงไว้ ให้คันธงเอนไปข้างหน้าประมาณ 45 องสา มือขวาแนบลำตัว ตาแลตรงไปข้างหน้า ขนานกับพื้น
– เมื่อผ่านธงที่ 3 สีเขียว (ธงเลิกทำความเคารพ) ให้ยกธงขึ้นมาอยู่ในท่าแบกธงตามเดิม และลดมือซ้ายลงแกว่งแขนตามปกติ
ค. การทำความเคารพของลูกเสือในขณะเดินสวนสนาม
ด้านหน้าปะรำพิธี จะมีธงเป็นเครื่องหมายอยู่ 3 ธง ธงที่ 1 สีเหลือง คือธงเตรียมเคารพ ธงที่ 2 สีแดง คือธงเคารพ และธงที่ 3 สีเขียว คือ ธงเลิกทำความเคารพ
1. ก่อนถึงธงที่ 1 ลูกเสือในแถวเมื่อได้ยินรองผู้กำกับสั่ง “ระวัง” ให้ลูกเสือทุกคนตบเท้าอย่างเข้มแข็ง ก่อนถึงธงที่ 2 เมื่อได้ยินรองผู้กำกับสั่ง “แลขวา – ทำ” ให้ลูกเสือทุกคนสะบัดหน้าไปทางขวา ยกเว้นคนที่ขวาสุดของแถวไม่ต้องสะบัดหน้า คงมองตรงไปข้างหน้าขนานกับพื้น ลูกเสือที่มีไม้พลองหรือไม้ง่าม เวลาสะบัดหน้าต้องแกว่งแขนด้วย ส่วนลูกเสือที่ไม่มีไม้พลองหรือไม้ง่าม เวลาสะบัดหน้าแขนทั้ง 2 ข้างไม่แกว่ง
หมายเหตุ : ลูกเสือเมื่อได้ยินคำสั่ง “แลขวา – ทำ” ลูกเสือทุกคนต้องทำ (ยกเว้นคนขวาสุด) ถึงแม้จะยังไม่ถึงธงที่ 2 ก็ตาม เมื่อถึงธงที่ 3 ตับใดผ่านก่อนก็ให้สะบัดหน้ากลับโดยพร้อมเพรียงกัน
ด้านหน้าปะรำพิธี จะมีธงเป็นเครื่องหมายอยู่ 3 ธง ธงที่ 1 สีเหลือง คือธงเตรียมเคารพ ธงที่ 2 สีแดง คือธงเคารพ และธงที่ 3 สีเขียว คือ ธงเลิกทำความเคารพ
1. ก่อนถึงธงที่ 1 ลูกเสือในแถวเมื่อได้ยินรองผู้กำกับสั่ง “ระวัง” ให้ลูกเสือทุกคนตบเท้าอย่างเข้มแข็ง ก่อนถึงธงที่ 2 เมื่อได้ยินรองผู้กำกับสั่ง “แลขวา – ทำ” ให้ลูกเสือทุกคนสะบัดหน้าไปทางขวา ยกเว้นคนที่ขวาสุดของแถวไม่ต้องสะบัดหน้า คงมองตรงไปข้างหน้าขนานกับพื้น ลูกเสือที่มีไม้พลองหรือไม้ง่าม เวลาสะบัดหน้าต้องแกว่งแขนด้วย ส่วนลูกเสือที่ไม่มีไม้พลองหรือไม้ง่าม เวลาสะบัดหน้าแขนทั้ง 2 ข้างไม่แกว่ง
หมายเหตุ : ลูกเสือเมื่อได้ยินคำสั่ง “แลขวา – ทำ” ลูกเสือทุกคนต้องทำ (ยกเว้นคนขวาสุด) ถึงแม้จะยังไม่ถึงธงที่ 2 ก็ตาม เมื่อถึงธงที่ 3 ตับใดผ่านก่อนก็ให้สะบัดหน้ากลับโดยพร้อมเพรียงกัน
2. -ผู้บังคับบัญชาลูกเสือที่ไม่มีไม้ถือ เมื่อถึงธงที่ 2 ให้ทำวันทยหัตถ์พร้อมกับสะบัดหน้าไปทางขวา แขนไม่แกว่ง จนผ่านธงที่ 3 จึงสะบัดหน้ากลับ และเดินแกว่งแขนตามปกติ -ผู้บังคับบัญชาลูกเสือที่มีไม้ถือ ให้เดินท่าบ่าอาวุธ เมื่อถึงธงที่ 1 ให้ยกไม้ถือขึ้นมาเสมอปาก ห่างจากปากประมาณ 1 ฝ่ามือ แขนซ้ายยังคงแกว่งอยู่ เมื่อถึงธงที่ 2 ให้ทำท่าวันทยาวุธ พร้อมกับสะบัดหน้าไปยังประธานในพิธี แขนซ้ายไม่แกว่ง เมื่อผ่านธงที่ 3 ให้สะบัดหน้ากลับ ยกไม้ขึ้นเสมอปาก แล้วลดลงในท่าบ่าอาวุธ และเดินแกว่งแขนตามปกติ
3. รองผู้กำกับลูกเสือ เมื่อถึงธงที่ 1 ให้สั่ง “ระวัง” (พร้อมกับยกไม้ถือขึ้นมาเสมอปาก) ให้แถวลูกเสือเดินเข้าระเบียบอย่างดีที่สุด และเมื่อใกล้ถึงธงที่ 2 (ประมาณ 2 ก้าว) ให้รองผู้กำกับสั่ง “แลขวา – ทำ” (การสั่งให้ตกเท้าขวาเสมอ) ขณะเดียวกันให้ผู้สั่งทำความเคารพด้วยไม้ถือพร้อมกับคำว่า “ทำ” (ตัวเองทำวันทยาวุธ พร้อมกับสะบัดหน้าไปทางขวา แขนซ้ายไม่แกว่ง) จนผ่านธงที่ 3 จึงสะบัดหน้ากลับเลิกทำความเคารพ แล้วเดินแกว่งแขนตามปกติ
ที่มา : https://www.facebook.com/nsothailand/posts/223524544416783โดย ว่าที่ ร้อยโทณัฏฐ์ ยุวยุทธประธานฝ่ายสวนสนามวันคล้ายวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ
ภาพประกอบจาก : พิธีสวนสนามและทบทวนคำปฏิญาณลูกเสือ โรงเรียนนารายณ์คำผงวิทยา จังหวัดสุรินทร์
ภาพประกอบจาก : พิธีสวนสนามและทบทวนคำปฏิญาณลูกเสือ โรงเรียนนารายณ์คำผงวิทยา จังหวัดสุรินทร์
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ความเชื่อเรื่องผีในสังคมไทย อิทธิพลของความเชื่อผีต่อสังคมวัฒนธรรมไทย
- [งานบุญ] ประวัติการทอดกฐิน มหากฐิน บุญกฐินสามัคคี จองกฐิน ถวายกฐินได้กุศลแรง [อยากเป็นเจ้าภาพกองกฐิน ทำยังไง?]
- วันบุญเบิกฟ้า วันบุญคูณขวัญข้าว วันสู่ขวัญข้าว วันตรุษลาวชาวอีสาน [ขึ้น 3 ค่ำ เดือน 3]
- [ข้อมูล] วันคล้ายวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ กิจกรรมวันสถาปนาลูกเสือแห่งชาติ [1 กรกฎาคม]
- เทคนิคแก้ง่วง ช่วงใกล้สอบ วิธีแก้ง่วงสไตล์ชาวพุทธ ข้อแนะนำจากพระพุทธเจ้า
- กุดจี่ขี้ควายกับควายบ้าน วิวัฒนาการร่วมในชุมชนบ้านนา [โครงงานชีววิทยา]
วันอังคารที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2560

คำขวัญวันต่อต้านยาเสพติด เนื่องในวันต่อต้านยาเสพติดโลก 26 มิถุนายน ตามมติสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ลองไปดูความเป็นมาของวันต่อต้านยาเสพติด พร้อมคําขวัญวันต่อต้านยาเสพติดกัน
ด้วยสภาพปัญหายาเสพติดที่ส่งผลให้มีผู้ได้รับความเดือดร้อนทั้งทางตรง และทางอ้อมเป็นจำนวนมาก ทำให้นานาประเทศพยายามร่วมมือกัน เพื่อหาทางหยุดยั้งปัญหายาเสพติด จนกระทั่งที่ประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยการใช้ยาในทางที่ผิด และการลักลอบใช้ยาเสพติด (International Conference on Drug Abuse and licit Trafficking ICDAIT) ได้มีมติให้เสนอสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (United Nations General Assembly) ขอให้กำหนดวันที่ 26 มิถุนายนของทุกปีเป็น "วันต่อต้านยาเสพติดโลก" นั่นเอง เพื่อให้ประชาชนทั่วโลกได้ตระหนักถึงความร้ายแรงของปัญหายาเสพติด
และในประเทศไทยนั้น ก็มิได้ละเลยถึงปัญหายาเสพติด เพราะรู้ว่าเรื่องนี้สร้างความเดือดร้อนแก่ตัวประชาชนเอง และครอบครัว รวมถึงประเทศชาติอีกด้วย ดังจะเห็นได้จาก พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีใจความว่า
"....ยาเสพติดนี่มันก่อให้เกิดความเดือดร้อนหลายอย่าง โดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ทั้งราชการ ตำรวจ โดยโรงพยาบาล โดยคน เอกชนต่าง ๆ เดือดร้อนหมด และสิ้นเปลือง คนทั่วประเทศก็สิ้นเปลือง แทนที่จะมีเงินทอง มีทุนมาสร้างบ้านเมืองให้สบาย ให้เจริญ มัวแต่ต้องมาปราบปราม ยาเสพติด มัวแต่ต้องเสียเงินค่าดูแลรักษาทั้งผู้เสพยา ผู้เป็นคนเดือดร้อนอย่างนี้ก็เสียทั้งเงินและเสียทั้งชื่อเสียง....." พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ ศาลาดุสิตาลัย วันที่ 4 ธันวาคม 2545
เมื่อได้รู้ถึงปัญหายาเสพติดที่กำลังเป็นปัญหาไปทั่วโลกแล้ว วันนี้ กระปุกดอทคอม ขอพาไปทำความรู้จักกับประวัติความเป็นมาของ "วันต่อต้านยาเสพติดโลก" กันดีกว่า
ประวัติความเป็นมาวันยาเสพติด
ในการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยการใช้ยาในทางที่ผิด และการลักลอบใช้ยาเสพติด (International Conference on Drug Abuse and licit Trafficking ICDAIT) ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ระหว่างวันที่ 17-26 มิถุนายน 2530 ที่ประชุมได้มีมติให้เสนอสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (United Nations General Assembly) ขอให้กำหนดวันที่ 26 มิถุนายนของทุกปีเป็น "วันต่อต้านยาเสพติดโลก"
โดยที่ประชุมสมัชชาใหญ่องค์การสหประชาชาติได้มีมติเห็นชอบตามข้อเสนอดังกล่าวในการประชุมเมื่อเดือนธันวาคม 2530 ซึ่งประเทศไทยหนึ่งในประเทศสมาชิกองค์การสหประชาชาติ ได้แสดงเจตนารมณ์ในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดร่วมกับประเทศสมาชิกอื่น ๆ ทั่วโลก ด้วยการจัดกิจกรรมเนื่องในวันต่อต้านยาเสพติดเป็นประจำเสมอมา ดังนั้น เพื่อเป็นการย้ำเตือนให้ประชาชนไทยเกิดความตระหนักว่ายาเสพติดเป็นปัญหาของคนไทยทั้งชาติ ที่ทุกคนควรมีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไข สำนักงาน ป.ป.ส. จึงขอเชิญชวนชาวไทยทุกคนร่วมกัน "สวมเสื้อสีขาว" โดยพร้อมเพรียงกันในวันต่อต้านยาเสพติดโลก
ประเทศไทยได้เผชิญกับปัญหายาเสพติดมาเป็นเวลาช้านาน รัฐบาลในแต่ละยุคได้ดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดมาตลอด จนกระทั่งในปี 2501 คณะปฏิวัติภายใต้การนำของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้ออกประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 37 ลงวันที่ 9 ธันวาคม 2501 ให้เลิกการสูบฝิ่นทั่วราชอาณาจักรโดยมีการเผาทำลายฝิ่นและอุปกรณ์การสูบฝิ่นที่ท้องสนามหลวงในคืนวันที่ 30 มิถุนายน 2502 หลังจากนั้นปี 2504 รัฐบาลได้จัดตั้ง "คณะกรรมการปราบปรามยาเสพติดให้โทษ" ใช้ชื่อย่อว่า ปปส. สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยมีอธิบดีกรมตำรวจเป็นประธาน และมีผู้แทนจากทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเป็นกรรมการ
ต่อมา ในสมัยนายธานินทร์ กรัยวิเชียร เป็นนายกรัฐมนตรี รัฐบาลได้เล็งเห็นว่า การปราบปรามยาเสพติดไม่สามารถแก้ไขได้โดยการดำเนินการเฉพาะกรมตำรวจฝ่ายเดียว จึงได้เสนอร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามยาเสพติด 2519 ต่อสภาปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน และประกาศใช้เป็นกฎหมายเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2519
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การแก้ไขปัญหายาเสพติดของประเทศไทยก็ได้ดำเนินไปอย่างมีแบบแผนและเป็นระบบที่ดีขึ้น พระราชบัญญัติดังกล่าวได้กำหนดให้มีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดหรือเรียกชื่อย่อว่า ป.ป.ส. โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และจัดตั้งสำนักงาน ป.ป.ส. ขึ้นเป็นหน่วยงานกลางรับผิดชอบโดยตรง มีฐานะเป็นกรม กรมหนึ่งในสำนักนายกรัฐมนตรี ปัจจุบันสำนักกระทรวงยุติธรรม ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ประเทศไทย สำนักงาน ป.ป.ส. ในฐานะหน่วยงานกลางที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในประเทศมาโดยตลอด ได้นำมติเรื่องวันต่อต้านยาเสพติดขององค์การสหประชาชาติเสนอต่อคณะรัฐมนตรีในการประชุมเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2531 ซึ่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีมติให้กำหนดวันที่ 26 มิถุนายนของทุกปี เป็นวันต่อต้านยาเสพติดโดยเริ่มตั้งแต่ปี 2531 เป็นต้นมา
วันต่อต้านยาเสพติดในประเทศไทย
วันต่อต้านยาเสพติด ประจำปี 2560


นอกจากนี้ยังได้คัดเลือกนักกีฬา พิธีกร ศิลปิน ดารา นักร้อง เป็นต้นแบบเยาวชนร่วมรณรงค์ประชาสัมพันธ์ต่อต้านยาเสพติด ประจําปี 2560 (พรีเซ็นเตอร์) จํานวน 6 คน ดังนี้
1. พิจักขณา วงศารัตนศิลป์ (น้ำตาล) อายุ 25 ปี ศิลปิน/นักแสดง
2. ทิสานาฎ ศรศึก (นาว) อายุ 23 ปี ศิลปิน/นักแสดง
3. ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร (โต๋) อายุ 33 ปี นักร้อง/นักแสดง
4. ปลื้มจิตร์ ถินขาว (หน่อง) อายุ 33 ปี นักกีฬาวอลเลย์บอล
5. จุฑาวุฒิ ภัทรกำพล (มาร์ช) อายุ 24 ปี นักแสดง/พิธีกร
6. ระดับดาว ศรีระวงศ์ (มาตัง) อายุ 17 ปี นักร้อง/นักแสดง


สำหรับวันต่อต้านยาเสพติดโลก ประจำปี 2559 สำนักงาน ป.ป.ส. ได้พิจารณาบุคคลที่มีความประพฤติดีและมีชื่อเสียง อาทิ นักกีฬา พิธีกร ศิลปิน/ดารา เพื่อคัดเลือกให้เป็น "ต้นแบบเยาวชนร่วมรณรงค์ประชาสัมพันธ์ต่อต้านยาเสพติด ประจำปี 2559" (พรีเซ็นเตอร์) จำนวน 6 คน ดังนี้
1. เด็กหญิงณัชชาวีณ์ โกศลพิศิษฐ์ (น้องณัชชา) นักแสดงสังกัดอิสระ 2. นายชนาธิป สรงกระสินธ์ (เจ) นักกีฬาทีมชาติไทย 3. นายณัฐวุฒิ สกิดใจ (ป๋อ) ศิลปินจากสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 4. นางสาวฝนทิพย์ วัชรตระกูล (ปุ๊กลุก) ศิลปินจากสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 5. นายนภัทร อินทร์ใจเอื้อ (กัน) ศิลปินสังกัดค่าย จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ 6. นางสาวพรพิมล เฟื่องฟุ้ง (เปาวลี) ศิลปินสังกัดค่ายแกรมมี่ โกลด์ ในบริษัทจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่
วันต่อต้านยาเสพติด ประจำปี 2558

สำหรับปี 2558 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ได้ให้คำขวัญเนื่องในวันต่อต้านยาเสพติด 2558 ว่า "คิดดี ทำดี ต่อต้านยาเสพติด"
ทั้งนี้ สำนักงาน ป.ป.ส. กระทรวงยุติธรรม ได้เปิดตัวพรีเซ็นเตอร์รณรงค์ต่อต้านยาเสพติด ประจำปี 2558 ซึ่งได้คัดเลือกบุคคลที่มีชื่อเสียง อาทิ นักกีฬา พิธีกร ศิลปิน นักแสดง จากสังกัดต่าง ๆ โดยพิจารณาคุณสมบัติในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นความประพฤติ ผลงานที่อยู่ในความสนใจ การศึกษา ซึ่งสามารถเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เด็กและเยาวชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องไม่มีประวัติยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด จำนวน 6 คน คือ
1. ร.ต.ท. เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง (ซิโก้) หัวหน้าผู้ฝึกสอนนักฟุตบอลชายทีมชาติไทย
2. นายวรินทร ปัญหกาญจน์ (เกรท) นักแสดง สังกัดสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
3. นายมิกค์ ทองระย้า (มิกค์) นักแสดง สังกัดสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7
4. นางสาวปรีชญา พงษ์ธนานิกร (ไอซ์) นักแสดง สังกัด GTH (บริษัท จีเอ็มเอ็ม ไท หับ จำกัด)
5. นางสาวฉัตรปวีณ์ ตรีชัชวาลวงศ์ (ซี) ผู้ประกาศข่าวและพิธีกรรายการไอที
6. เด็กหญิงกุลฑีรา ยอดช่าง (น้องอันดา) นักแสดงเด็กมากความสามารถ
วันต่อต้านยาเสพติด ประจำปี 2557

ในปี 2557 เนื่องในวันต่อต้านยาเสพติดโลก (26 มิถุนายน) ซึ่งเป็นวันต่อต้านยาเสพติดโลก สำนักงาน ป.ป.ส. ได้จัดกิจกรรม "มหกรรมหนังสั้นต่อต้านยาเสพติด" ภายใต้ Concept ว่า "Action Against Drugs Yes I do" เพื่อให้เยาวชนทั่วประเทศส่งผลงานหนังสั้นเป็นสื่อต้านยาเสพติดระดับประเทศเข้าประกวด
ขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ได้จัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์รณรงค์ต่อต้านยาเสพติด ในโครงการ D.A.R.E. ประเทศไทย โดยมีการมอบโล่เชิดชูเกียรติในแก่บุคคลและเยาวชนที่ประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี ไม่มีพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และเข้าร่วมกิจกรรมต่อต้านยาเสพติดมาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับศิลปินนักร้องนักแสดงที่ได้รางวัลเชิดชูเกียรติจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประกอบด้วย
- อาทิวราห์ คงมาลัย (ตูน บอดี้สแลม)
- แพนเค้ก เขมนิจ จามิกรณ์
- พันโท วันชนะ สวัสดี (ผู้พันเบิร์ด)
คำขวัญวันต่อต้านยาเสพติด ประจำปี 2557
คำขวัญวันต่อต้านยาเสพติด ประจำปี 2557 แนวคิด : "สังคมปลอดภัย ชุมชนอุ่นใจ ได้ลูกหลานกลับคืน"
วันต่อต้านยาเสพติด ประจำปี 2556

วันต่อต้านยาเสพติด 2556

วันต่อต้านยาเสพติด 2556

วันต่อต้านยาเสพติด 2556
ในปี 2556 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ก็ยังได้มีการจัดกิจกรรมเนื่องในวันต่อต้านยาเสพติด ประจำปี 2556 เพื่อให้ประชาชนรับรู้ รับทราบ และเห็นถึงความสำคัญของโทษ และพิษภัยยาเสพติด
สำหรับศิลปินนักร้องนักแสดงที่สำนักงาน ป.ป.ส. คัดเลือกให้มาเป็นตัวแทนศิลปินต้านยาเสพติดปี 2556 ได้แก่
- โป๊ป ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ
- กรีน อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล
- พิกเล็ท ชาราฎา อิมราพร
- โฟกัส โฟกัส จีระกุล
- โตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์
คำขวัญวันต่อต้านยาเสพติด ประจำปี 2556
คำขวัญวันต่อต้านยาเสพติด ประจำปี 2556 แนวคิด : "คนไทยหัวใจสีขาว ร่วมต้านยาเสพติด" ภายใต้คำขวัญ "ยาเสพติดจะพินาศ คนไทยทั้งชาติต้องร่วมมือกัน"
วันต่อต้านยาเสพติด ประจำปี 2555

วันต่อต้านยาเสพติด 2555

วันต่อต้านยาเสพติด 2555
เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในวันที่ 12 สิงหาคม 2555 รัฐบาลกำหนดให้หน่วยงานราชการ และภาคเอกชน ร่วมจัดกิจกรรมเพื่อเทิดพระเกียรติ ตลอดปี 2555 เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดีแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงห่วงใยต่อปัญหายาเสพติด ศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ หรือ ศพส. จึงให้มีการจัดกิจกรรมรณรงค์ประชาสัมพันธ์ เนื่องในวันต่อต้านยาเสพติด 26 มิถุนายน ประจำปี 2555 เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา
สำหรับศิลปินนักร้องนักแสดงที่สำนักงาน ป.ป.ส. คัดเลือกให้มาเป็นตัวแทนศิลปินต้านยาเสพติดปี 2555 ได้แก่
- แก้มบุ๋ม พิมพ์นิภา จิตติธีรโรจน์
- เต๋อ ฉันทวิชช์ ธนะเสวี
- พรีม รณิดา เตชสิทธิ์
- เก้า จิรายุ ละอองมณี
- ฉัตร ปริยฉัตร ลิ้มธรรมมหิศร
คำขวัญวันต่อต้านยาเสพติด ประจำปี 2555
คำขวัญวันต่อต้านยาเสพติด ประจำปี 2555 คือ "พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด เทิดไท้ 80 พรรษา มหาราชินี"
วันต่อต้านยาเสพติด ประจำปี 2554
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ได้มีการจัดกิจกรรมเนื่องในวันต่อต้านยาเสพติด ประจำปี 2554 เพื่อให้ประชาชนรับรู้ รับทราบ และเห็นถึงความสำคัญของโทษ และพิษภัยยาเสพติด เนื่องจากปัญหายาเสพติด จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ร่วมมือกัน ดำเนินงานด้านการป้องกัน และปราบปรามยาเสพติด ไม่เพียงแต่จะทำให้ปัญหาเบาบางลง ยังเป็นการเทิดพระเกียรติและถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา 5 ธันวาคม 2554 และทรงเป็นต้นแบบในการแก้ไขปัญหายาเสพติดด้วยแนวทางการพัฒนาทางเลือกอีกด้วย
สำหรับศิลปินนักร้องนักแสดงที่สำนักงาน ป.ป.ส. คัดเลือกให้มาเป็นตัวแทนศิลปินต้านยาเสพติดปี 2554 ได้แก่
- น้ำฝน พัชรินทร์ จัดกระบวนพล
- มิน พีชญา วัฒนามนตรี
- หนูนา หนึ่งธิดา โสภณ
- รถเมล์ คะนึงนิจ จักรสมิทธานนท์
- อั๋น วิทยา วสุไกรไพศาล
คำขวัญวันต่อต้านยาเสพติด ประจำปี 2554
คำขวัญวันต่อต้านยาเสพติด ประจำปี 2554 คือ "สานต่อพระราชปณิธาน หยุดยั้งยาเสพติด หยุดหายนะแผ่นดิน"
วันต่อต้านยาเสพติด ประจำปี 2553
รัฐบาลได้ประกาศนโยบายแก้ไขปัญหายาเสพติดภายใต้ยุทธศาสตร์ 5 รั้วป้องกันฯ เป็นยุทธศาสตร์หลักในการดำเนินงาน และเพื่อเร่งรัดให้การดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นไปตามนโยบายอย่างจริงจังและต่อเนื่อง สามารถลดระดับปัญหายาเสพติดและขจัดปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงกำหนดให้มีแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหายาเสพติดระดับชาติเป็นแผนงานหลัก เรียกว่า "ปฏิบัติการประเทศไทยเข้มแข็ง ชนะยาเสพติดยั่งยืน ภายใต้ยุทธศาสตร์ 5 รั้วป้องกัน ระยะที่ 2"
ทั้งนี้ มีเป้าหมายในการลดระดับปัญหายาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือ กรุงเทพฯ ปริมณฑล และพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ลดปัญหาการแพร่ระบาดยาเสพติดที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชน เสริมสร้างความเข้มแข็งของกลไกชุมชน-ประชาสังคม และเสริมสร้างประสิทธิภาพการบริหารจัดการแก้ไขปัญหายาเสพติดในภาวะวิกฤต
สำหรับศิลปินนักร้องนักแสดงที่สำนักงาน ป.ป.ส. คัดเลือกให้มาเป็นตัวแทนศิลปินต้านยาเสพติดปี 2553 ได้แก่
- น้ำชา ชีรณัฐ ยูสานนท์
- ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์
- อ๋อม อรรคพันธ์ นะมาตร์
- มาร์กี้ ราศรี บาเล็นซิเอก้า
- โจ AF2 ภาณุพล เอกเพชร
คำขวัญวันต่อต้านยาเสพติด ประจำปี 2553
คำขวัญวันต่อต้านยาเสพติด ประจำปี 2553 คือ "ไทยเข้มแข็ง ชนะยาเสพติด"
วันต่อต้านยาเสพติด ประจำปี 2552
สำหรับวันต่อต้านยาเสพติดปี 2552 รัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์ 5 รั้วป้องกัน เพื่อเป็นเกราะป้องกันยาเสพติดทุกระดับ ภายใต้แนวคิด "5 รั้วล้อมไทย พ้นภัยยาเสพติด" โดยตั้งทีมทำงานแบบบูรณาการกับหน่วยงานภาคีด้านยาเสพติด ทั้งในไทยและต่างประเทศ ซึ่งผลปฏิบัติการพบว่า สถิติการจับกุมยาเสพติดมีมากขึ้น แต่ละเดือนสามารถสกัดยาเสพติดได้เป็นแสนเม็ด โดยเฉพาะรั้วชายแดนที่สำคัญที่สุด เพราะยาเสพติดที่ใช้ในไทย ไม่ได้ผลิตในไทย แต่ลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศ การสกัดกั้นไม่ให้ยาเสพติดเข้ามาทางแนวชายแดนจึงเป็นการป้องกันที่สำคัญมาก
ทั้งนี้ ได้มีการจัดงานมหกรรม "5 รั้วล้อมไทย พ้นภัยยาเสพติด" ที่เมืองทองธานี ในวันที่ 26 มิถุนายนนี้ เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจเรื่องยาเสพติดให้กับประชาชน ชุมชน และเยาวชน
สำหรับศิลปินนักร้องนักแสดงที่สำนักงาน ป.ป.ส. คัดเลือกให้มาเป็นตัวแทนศิลปินต้านยาเสพติดปี 2552 ได้แก่
- คูณ คณิน บัดติยา เป็นตัวแทนรั้วชายแดน
- รุจ ศุภรุจ เตชะตานนท์ (รุจ เดอะสตาร์) เป็นตัวแทนรั้วชุมชน
- ก้อย รัชวิน วงศ์วิริยะ เป็นตัวแทนรั้วสังคม
- พลอย ชิดจันทร์ รุจิพรรณ ตัวแทนรั้วโรงเรียน
- แพนเค้ก เขมนิจ จามิกรณ์ ตัวแทนรั้วครอบครัว
คำขวัญวันต่อต้านยาเสพติด ประจำปี 2552
คำขวัญวันต่อต้านยาเสพติด ประจำปี 2552 แนวคิด : "ทำความดี ตามคำพ่อ" ภายใต้คำขวัญ "รวมพลังประชาไทย พ้นภัยยาเสพติด"
รวมคำขวัญวันต่อต้านยาเสพติดในประเทศไทย
คําขวัญวันต่อต้านยาเสพติด 2560 : "ทำดีเพื่อพ่อ สานต่อแก้ปัญหายาเสพติด" "Do Good Deeds for Dad against Drugs" 26 June, International Day Against Drug Abuse and Illicit Trafficking
คําขวัญวันต่อต้านยาเสพติด 2559 : "ประชารัฐร่วมใจ ปลอดภัย ยาเสพติด เฉลิมพระเกียรติ 70 ปี ทรงครองราชย์"
คําขวัญวันต่อต้านยาเสพติด 2558 : "คิดดี ทำดี ต่อต้านยาเสพติด"
คําขวัญวันต่อต้านยาเสพติด 2557 : "สังคมปลอดภัย ชุมชนอุ่นใจ ได้ลูกหลานกลับคืน"
คําขวัญวันต่อต้านยาเสพติด 2556 : "คนไทยหัวใจสีขาว ร่วมต้านยาเสพติด" ภายใต้คำขวัญ "ยาเสพติดจะพินาศ คนไทยทั้งชาติต้องร่วมมือกัน"
คําขวัญวันต่อต้านยาเสพติด 2555 : "พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด เทิดไท้ 80 พรรษา มหาราชินี"
คําขวัญวันต่อต้านยาเสพติด 2554 : "สานต่อพระราชปณิธาน หยุดยั้งยาเสพติด หยุดหายนะแผ่นดิน"
คําขวัญวันต่อต้านยาเสพติด 2553 : "ไทยเข้มแข็ง ชนะยาเสพติด"
คําขวัญวันต่อต้านยาเสพติด 2552 : "ทำความดี ตามคำพ่อ" ภายใต้คำขวัญ "รวมพลังประชาไทย พ้นภัยยาเสพติด"
คําขวัญวันต่อต้านยาเสพติด 2551 : "รวมพลังประชาไทย พ้นภัยยาเสพติด"
คําขวัญวันต่อต้านยาเสพติด 2550 : "รวมพลังไทย ขจัดภัยยาเสพติด ร่วมเทิดไท้องค์ราชัน"
คําขวัญวันต่อต้านยาเสพติด 2549 : "60 ปี ทรงครองราชย์ รวมพลังไทยทั้งชาติ ขจัดยาเสพติด"
คําขวัญวันต่อต้านยาเสพติด 2548 : "พลังไทย ต้านภัยยาเสพติด"
คําขวัญวันต่อต้านยาเสพติด 2546 : "พลังไทย ต้านภัยยาเสพติด"
คําขวัญวันต่อต้านยาเสพติด 2545 : "พลังมวลชน พลังแผ่นดิน ขจัดสิ้นยาเสพติด : The Power of people can conquer illicit drugs"
คําขวัญวันต่อต้านยาเสพติด 2544 : "รวมพลังแผ่นดิน ขจัดสิ้นยาเสพติด"
คําขวัญวันต่อต้านยาเสพติด 2543 : "รักในหลวง ห่วงลูกหลาน ร่วมกันต้านยาเสพติด"
คําขวัญวันต่อต้านยาเสพติด 2542 : "รักในหลวง ห่วงลูกหลาน ร่วมกันต้านยาเสพติด"
คําขวัญวันต่อต้านยาเสพติด 2541 : "ร่วมใจเล่นกีฬา ใช้ชีวิตอย่างรู้ค่า ไม่พึ่งพายาเสพติด"
คําขวัญวันต่อต้านยาเสพติด 2540 : "เล่นกีฬา ใฝ่ศึกษา ไม่พึ่งพายาเสพติด"
คําขวัญวันต่อต้านยาเสพติด 2539 : "มุ่งทำความดี มีวินัย หลีกไกลยาเสพติด"
คําขวัญวันต่อต้านยาเสพติด 2538 : "ล้อมรักให้ครอบครัว เหมือนล้อมรั้วป้องกันยาเสพติด"
คําขวัญวันต่อต้านยาเสพติด 2537 : "ยาเสพติดป้องกันได้ ด้วยความเข้าใจจากครอบครัว"
คําขวัญวันต่อต้านยาเสพติด 2536 : "ผิดกฎหมาย ทำลายชีวิต หากติดสารระเหย"
คําขวัญวันต่อต้านยาเสพติด 2535 : "สมองฝ่อ รักษาไม่หาย คือพิษร้ายจากยาเสพติด"
คําขวัญวันต่อต้านยาเสพติด 2534 : "ประสาทหลอน เป็นโรคจิตวิกลจริต เพราะกินยาบ้า"

วันต่อต้านยาเสพติด
คำขวัญวันต่อต้านยาเสพติดโลก
คําขวัญวันต่อต้านยาเสพติดโลก 2559 : "A message of hope: Drug use disorders are preventable and treatable."
คําขวัญวันต่อต้านยาเสพติดโลก 2558 : "Think Health, Not Drugs"
คําขวัญวันต่อต้านยาเสพติดโลก 2557 : "Drug use disorders are preventable and treatable"
คําขวัญวันต่อต้านยาเสพติดโลก 2556 : "Make health your "new high" in life, not drugs."
คําขวัญวันต่อต้านยาเสพติดโลก 2555 : "Do drugs control your life? Your life. Your community. No place for drugs" ซึ่งแปลเป็นไทยได้ว่า "ยาเสพติดครอบงำชีวิตของคุณอยู่หรือเปล่า ชีวิตของคุณ สังคมของคุณ ต้องไม่มีที่สำหรับยาเสพติด"
คําขวัญวันต่อต้านยาเสพติดโลก 2554 : "Global Action for Healthy Communities Without Drugs"
คําขวัญวันต่อต้านยาเสพติดโลก 2553 : "Health is the ongoing theme of the world drug campaign."
คําขวัญวันต่อต้านยาเสพติดโลก 2550-2552 : "Do drugs control your life? Your life. Your community. No place for drugs." ซึ่งแปลเป็นไทยได้ว่า "ยาเสพติดครอบงำชีวิตของคุณอยู่หรือเปล่า ชีวิตของคุณ สังคมของคุณ ต้องไม่มีที่สำหรับยาเสพติด"
คําขวัญวันต่อต้านยาเสพติดโลก 2549 : "Value yourself...make healthy choices"
คําขวัญวันต่อต้านยาเสพติดโลก 2548 : "Drugs is not child's play"
คําขวัญวันต่อต้านยาเสพติดโลก 2547 : "Drugs : treatment works"
คําขวัญวันต่อต้านยาเสพติดโลก 2546 : "Let's talk about drugs"
คําขวัญวันต่อต้านยาเสพติดโลก 2545 : "Substance abuse and HIV/AIDS"
คําขวัญวันต่อต้านยาเสพติดโลก 2544 : "Sports against drugs"
คําขวัญวันต่อต้านยาเสพติดโลก 2543 : "Facing reality: denial, corruption and violence"
เห็นผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเราร่วมมือร่วมใจกันคว่ำบาตรยาเสพติดด้วยโครงการต่าง ๆ กันขนาดนี้ เยาวชนคนรุ่นใหม่ที่เป็นอนาคตประเทศทั้งหลายก็ต้องช่วยกันอีกแรงด้วยนะจ๊ะ เพราะหากทุกฝ่ายในสังคมร่วมกัน อนาคตลูกหลานเหลนโหลนของเราคงจะไม่ต้องเผชิญหน้ากับปัญหายาเสพติดอีก
ภาพจาก สำนักเลขาธิการ สำนักงาน ป.ป.ส., unodc.org
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
- สำนักเลขาธิการ สำนักงาน ป.ป.ส.
- unodc.org
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)